เมื่อเริ่มต้นเทรด Forex สิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเผชิญคือ “ค่าใช้จ่ายในการเทรด” ซึ่งส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของ Spread หรือ Commission หรือบางครั้งก็ทั้งสองอย่างรวมกัน การเลือกโบรกเกอร์ที่มีโครงสร้างค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ จะส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรระยะยาว
บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Spread กับ Commission และช่วยคุณเลือกแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ
Spread คือ อะไร?
Spread คือส่วนต่างระหว่างราคา Bid (ราคาขาย) และ Ask (ราคาซื้อ) ของคู่เงิน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักที่โบรกเกอร์เรียกเก็บจากเทรดเดอร์
ตัวอย่าง: หากคู่เงิน EUR/USD มีราคา
- Bid: 1.0850
- Ask: 1.0852
Spread = 1.0852 – 1.0850 = 0.0002 หรือ 2 pips
ประเภทของ Spread
1. Fixed Spread (Spread คงที่)
- มีค่าคงที่ตลอดเวลา ไม่เปลี่ยนแปลงตามสภาวะตลาด
- เหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ต้องการความแน่นอนในค่าใช้จ่าย
- มักพบในโบรกเกอร์ประเภท Market Maker
2. Variable Spread (Spread ผันแปร)
- เปลี่ยนแปลงตามสภาพคล่องของตลาด
- ช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง Spread จะต่ำ
- ช่วงข่าวสำคัญหรือตลาดผันผวน Spread อาจกว้างขึ้นมาก
- มักพบในโบรกเกอร์ประเภท ECN/STP
Commission คือ อะไร?
Commission คือค่าคอมมิชชั่นที่โบรกเกอร์เรียกเก็บต่อการเปิด-ปิดออเดอร์ มักคิดเป็นเงินดอลลาร์ต่อ Lot
ตัวอย่าง: โบรกเกอร์เรียกเก็บ Commission $7 per lot (round turn)
- เปิด 1 Lot = เสีย $3.5
- ปิด 1 Lot = เสีย $3.5
- รวม = $7 per lot
บัญชีที่เรียกเก็บ Commission มักมี Spread แคบมาก หรือเกือบเท่ากับ Raw Spread จากตลาดจริง
เปรียบเทียบ Spread ต่ำ VS Commission ต่ำ
| หัวข้อ | Spread ต่ำ (ไม่มี Commission) | Commission ต่ำ (Raw Spread) |
|---|---|---|
| ค่าใช้จ่าย | รวมอยู่ใน Spread แล้ว | Spread + Commission แยกกัน |
| ความชัดเจน | เห็นต้นทุนชัดเจนทันที | ต้องคำนวณรวมกัน |
| เหมาะกับ | Swing Trader, Day Trader | Scalper, High-Frequency Trader |
| Spread เฉลี่ย | 1-2 pips | 0.1-0.5 pips + Commission |
| ความยืดหยุ่น | คำนวณง่าย | คุ้มค่ากว่าถ้าเทรดบ่อย |
คำนวณต้นทุนจริง: ตัวอย่างเปรียบเทียบ
สมมติคุณเทรด EUR/USD 1 Lot และเปิด-ปิดออเดอร์ภายในวันเดียวกัน
กรณีที่ 1: โบรกเกอร์ Spread ต่ำ (ไม่มี Commission)
- Spread: 1.2 pips
- ต้นทุนรวม: 1.2 pips = $12 per lot
กรณีที่ 2: โบรกเกอร์ Raw Spread + Commission
- Raw Spread: 0.3 pips = $3
- Commission: $7 per lot (round turn)
- ต้นทุนรวม: $3 + $7 = $10 per lot
สรุป: ในกรณีนี้ บัญชี Raw Spread + Commission คุ้มกว่า $2 per lot

เลือก Spread ต่ำ (ไม่มี Commission) ถ้าคุณ:
- เป็นเทรดเดอร์มือใหม่ต้องการความเรียบง่าย
- เทรดระยะกลาง-ยาว (Swing Trading, Position Trading)
- ไม่อยากคำนวณต้นทุนซับซ้อน
- เปิดออเดอร์ไม่บ่อยมาก (5-20 ครั้ง/เดือน)
เลือก Commission ต่ำ (Raw Spread) ถ้าคุณ:
- เป็น Scalper หาเข้าออเดอร์ถี่มาก
- เทรดระยะสั้น จับกำไรทีละน้อย
- เปิดออเดอร์บ่อย (50+ ครั้ง/เดือน)
- ต้องการความแม่นยำสูงในการเข้า Entry
ยกตัวอย่าง: โบรกเกอร์ที่มี Spread แข่งขันได้
ในตลาด Forex ปัจจุบัน มีโบรกเกอร์หลายเจ้าที่นำเสนอโครงสร้างค่าใช้จ่ายที่แข่งขันได้ Exness เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่โดดเด่นเรื่อง Spread ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
ข้อดีของ Exness
- Spread แคบมาก โดยเฉพาะในบัญชี Standard ที่ไม่เรียกเก็บ Commission
- Spread เฉลี่ยของ EUR/USD อยู่ที่ประมาณ 0.7-1.0 pips
- มีบัญชี Raw Spread สำหรับ Scalper ที่ Spread เริ่มต้นเพียง 0.0 pips
- Execution รวดเร็ว เหมาะกับการเทรดระยะสั้น
- ถอนเงินได้ Instant ไม่มีขั้นต่ำ
- รองรับการเทรดในวันหยุด (Weekend Trading) สำหรับบางคู่เงิน
สำหรับเทรดเดอร์ที่กำลังมองหาโบรกเกอร์ที่มีต้นทุนต่ำและมีความน่าเชื่อถือ Exness ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการ Spread แคบโดยไม่ต้องกังวลเรื่อง Commission
สรุป: เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสไตล์การเทรด
การเลือกระหว่าง Spread ต่ำหรือ Commission ต่ำนั้นไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว ขึ้นอยู่กับ:
- ความถี่ในการเทรด – ยิ่งเทรดบ่อย Raw Spread + Commission ยิ่งคุ้ม
- สไตล์การเทรด – Scalper ควรเลือก Raw Spread, Swing Trader เลือก Spread ต่ำก็พอ
- ขนาด Lot ที่เทรด – เทรด Lot ใหญ่ ความต่างของต้นทุนจะยิ่งชัดเจน
- ความเข้าใจ – มือใหม่ควรเริ่มจาก Spread อย่างเดียวก่อน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ คำนวณต้นทุนจริง ของทั้งสองแบบโดยดูจากปริมาณการเทรดของคุณเอง และอย่าลืมเปรียบเทียบโบรกเกอร์หลายๆ เจ้า โดยดูจากความน่าเชื่อถือ, License, และคุณภาพการให้บริการด้วย ไม่ใช่แค่มองแต่ค่าใช้จ่ายอย่างเดียว


