1. ข้อมูลการจ้างงานต่ำกว่าคาดหมาย

• ตลาดตั้งความหวังไว้ราว +110,000 ตำแหน่ง แต่รายงานจริงเพิ่มเพียง +73,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือว่า “น้อยกว่าคาดมาก” ส่งผลให้ตลาดมองว่ามีแนวโน้มที่ Fed จะลดดอกเบี้ยในปีนี้

 2. เพิ่มโอกาส Fed ลดอัตราดอกเบี้ย

• NFP ที่อ่อนตัวช่วยหนุนความเชื่อว่า นโยบายการเงินจะผ่อนคลาย เช่น การลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ซึ่งมีผลโดยตรงกับราคาทอง เนื่องจากทองไม่ให้ดอกเบี้ย (non‑yielding asset) จึงได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า

 3. ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้า

• ข่าวสารการขึ้นภาษี (tariffs) จากสหรัฐฯ กระตุ้นความกังวลตลาดและเพิ่มแรงซื้อทองในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย (safe‑haven) เพื่อกระจายความเสี่ยง

 4. ตลาดการเงินทรุด พันธบัตรร่วง ดอลลาร์อ่อนค่า

• หลังรายงาน NFP อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงอย่างรวดเร็ว และค่าเงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า ซึ่งยิ่งทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์น่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

ข้อมูลตลาดและราคาทองล่าสุด

• ราคาทอง Spot ปรับขึ้นราว 1.8% ทะลุ $3,347–3,350 ต่อออนซ์ และสูงสุดในสัปดาห์นี้ (สูงสุดนับตั้งแต่ 25 กรกฎาคม)

• Gold Futures เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.5–1.6%, ปิดที่ราว $3,399–3,400

• นักลงทุนโยกเงินเข้าสู่ ETF ทองคำอย่าง SPDR Gold Shares อย่างมีนัยสำคัญ (ลงทุนกว่า $8.5 พันล้านในปีนี้ เทียบกับเพียง $366 ล้านในปีที่แล้ว)

ข้อควรจับตามองถัดไป

• เดือนกันยายน Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ — หากจริง ทองคำอาจพุ่งขึ้นต่อ

• ค่าดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตร — ค่าเงินแข็งขึ้นหรือตราสารหนี้เรตติ้งสูงขึ้น อาจกดดันทองอีกครั้ง

• แรงกดดันเศรษฐกิจอ่อนแอ เช่น CPI, GDP มาแรงหรือไม่ — หากเศรษฐกิจชะลอ ทองอีกครั้งเป็น safe‐haven

• ความเคลื่อนไหวของนโยบายจ้างงานและตรวจคนเข้าเมือง — อาจกระทบมุมมองตลาดต่อแรงงานและเงินเฟ้อ

สรุป

ตัวเลข NFP ที่ลดลงอย่างมากในเดือนกรกฎาคม 2025 (เพิ่มเฉลี่ยเพียง +73 K ตำแหน่ง) สร้างเหตุแรงให้นักลงทุนปรับคาดหวังไปที่ การลดดอกเบี้ยของ Fed และเพิ่มความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย. ผลลัพธ์คือราคาทองพุ่งขึ้นกว่า 1.5‑2%, ทำระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์และได้รับเงินลงทุนหนุนจากตลาดโลก